Filler

ฟิลเลอร์ Filler คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้นในผิวหนังและใต้ผิวหนัง แก้ไขข้อบกพร่องบริเวณใบหน้าทำหน้าที่ขยายและทำให้บริเวณที่ฉีดดูเต็มขึ้น ทำให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ตึงกระชับ เปล่งปลั่ง ย้อนวัยอีกครั้ง

ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง

 

 

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม

        ฟิลเลอร์ ชนิดเดียวที่ปลอดภัยที่สุดและผ่านการรับรอง คือ Hyaluronic Acid โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติว่า Hyaluronic Acid เป็นสารที่มีความปลอดภัย นิยมใช้ในวงการแพทย์และด้านความงามอย่างแพร่หลาย  การฉีดฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน อย.ไทย จะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ไม่ก่อให้เกิดอันตราย หรือการแพ้ตัวฟิลเลอร์ แต่ในบางเคสที่ฉีดแล้วเกิดอาการบวมแดง มีผื่นแดง คันบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการแพ้ฟิลเลอร์ มักจะเกิดกับคนที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม ที่ไม่สามารถสลายได้เอง   นอกจากนี้หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ก็อาจเกิดอันตรายและยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการไหลย้อยของฟิลเลอร์ เพราะแพทย์อาจคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม มากกว่าปัญหาที่มีอยู่ หรือฉีดผิดตำแหน่ง ทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งที่ฉีด

ฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะเป็นอย่างไร

          การฉีดฟิลเลอร์ปลอมมีอันตรายมาก หลังฉีดจะย้อยแข็งเป็นก้อน  ทำให้ผิวขรุขระ อาจมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ อักเสบติดเชื้อ บวมแดง  และในรายที่อาการหนักอาจเนื้อตายหรือตาบอดได้ หากฉีดแก้แล้วไม่สลายตัว ต้องแก้ด้วยการผ่าตัดหรือขูดออก

ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร


ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ แตกต่างกันอย่างไร ?

ฟิลเลอร์มีหลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อ แต่ปัจจุบันมีฟิลเลอร์ 8 ยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทยด้วยกัน และที่ทางคลินิกเราใช้เป็นหลักมี 3 ยี่ห้อ ได้แก่ Juvederm Restylane และ Neuramis

  • ฟิลเลอร์ Juvederm จากประเทศอเมริกา ผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกาและที่ผ่าน อย.ไทยตอนนี้มีอยู่ด้วยกัน 7 รุ่น ฟิลเลอร์ Juvederm มี 2 เทคโนโลยีการผลิต ได้แก่ Hylacross และ Vycross Technology โดยมีหลากหลายรุ่นเพื่อการแก้ปัญหาอย่างครอบคลุม
  • ฟิลเลอร์ Restylane จากประเทศสวีเดน ฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่มีการพัฒนาและผลิตมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันฟิลเลอร์ Restylane ที่ผ่านมาตรฐาน อย.ไทย มีอยู่ 8 รุ่น แบ่งออกเป็น 2 เทคโนโลยี คือ NASHA technology และ OBT technology
  • ฟิลเลอร์ Neuramis จากประเทศเกาหลี มีกระบวนการผลิตด้วย SHAPE Technology ปัจจุบันมีอยู่ 3 รุ่นที่ได้รับรองจาก อย.ไทย คือ Neuramis deep, Neuramis Deep lidocaine และ Neuramis Volume Lidocaine

 

ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีด Filler

  • ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการทำ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า
  • มียาและวิตามินบางชนิดที่ควรงดก่อนฉีดฟิลเลอร์ แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
  • งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
  • งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
  • หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
  • แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
  • สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้ และหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้น ๆ ให้ด้วย

 

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

 หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีด อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน (หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้นให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยากิน)

  • หากก่อนทำไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อ หลังทำควรรีบกินยาฆ่าเชื้อทันที นอกจากนี้ยังมียาแก้ปวด ลดบวมกลับไปให้ทานด้วย
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
  • ให้งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
  • อย่าขยับผิวในจุดที่ทำมากโดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อน
  • ควรงดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า 
    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
    • อาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ หมูกระทะ ชาบู
    • อาหารหมักดอง อาหารที่เผ็ดมาก ๆ จนหน้าแดง อาหารหวานจัดและอาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
  • งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้าและส่งผลการรักษาอยู่ได้สั้นลงฃ